Friday, August 28, 2009

28/08/09

ห้องสมุด

รู้สึกเยื่อบ้างมั้ยที่ทำอะไรซ้ำๆ ทุกๆวัน ชีวิตก็ยังไม่ดีขึ้น เราควรจะเปลี่ยนแปลงมันให้ดีขึ้นอีกไหม
เมื่อกีไปกินข้าว ร้านหนึ่งมา ร้านนี้เป็นร้านประจำเราเลย พอถึงหน้าร้านปุ๊ป เราก็นึกอยากเปลี่ยนร้านไปหาร้านใหม่กิน

Saturday, August 8, 2009

ยานเวลากับเครื่องมือพยากรณ์อากาศ


ครั้งสุดท้ายที่ผมพบแม่เมื่อยังมีลมหายใจนั้น แววตาแม่ผิดแผกจากทุกคราว ถึงเวลานั่งรถไฟกลับไปทำงานต่อที่กรุงเทพฯแล้วหลังจากการลาพักร้อนไปเยี่ยมบ้านเกิดไม่กี่วัน ก่อนไปสถานีรถไฟ แม่บอกผมว่า นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เราเจอกันผมไม่เชื่อในเรื่องลางสังหรณ์ แต่ผมก็รู้โดยสัญชาตญาณว่า เป็นไปได้อย่างสูงที่ผมจะไม่ได้พบแม่อีกแม่ป่วยด้วยโรคกระดูกมานานกว่ายี่สิบปี ในวัยหกสิบกว่า กระดูกในร่างบิดผิดธรรมชาติ นิ้วมือทั้งสิบหงิกเบี้ยวด้วยฤทธิ์โรคแห่งคำสาป ทุกครั้งที่อากาศเปลี่ยนแปลง ครึ้มฟ้าครึ้มฝน จะเจ็บทรมานทั้งร่างราวกับเข็มนับหมื่นเล่มทิ่มแทงกระดูกพร้อมกัน อาการเจ็บของแม่เป็นเครื่องมือพยากรณ์อากาศได้ดีกว่ากรมอุตุนิยมวิทยา เพียงเห็นแม่เจ็บ ก็รู้ทันทีว่าอากาศเปลี่ยนแปลง ฝนจะตกในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าผมไม่ได้กลับไปเยี่ยมแม่บ่อยนัก ด้วยข้ออ้างสารพัด งานที่รัดตัว เวลาที่น้อยแสนน้อย ฯลฯ แต่บางทีเหตุผลที่สำคัญที่สุดคือการทึกทักไปเองว่าแม่คงไม่เป็นไรประโยค "คงไม่เป็นไร" เป็นข้อแก้ตัวที่แย่ที่สุดสำหรับคนที่เรารักและรักเราบางทีเมื่อสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวเจ็บป่วยนาน 10-20 ปี มันก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาไป และบ่อยครั้งเราก็ลืมถามไถ่ทุกข์สุขของคนที่เราบอกว่าเรารักนี่เป็นเรื่องหนึ่งในชีวิตที่ผมอยากให้การเดินทางย้อนเวลามีจริง และเรามีบริการการเดินทางย้อนเวลากลับไปในช่วงยามแห่งความสุขในอดีต เยี่ยมญาติมิตรผู้จากไป แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดแต่โลกนี้ไม่มียานเวลา ทุกวินาทีเป็นเรื่องปัจจุบัน เกิดขึ้นครั้งเดียว แวบเดียวมันก็หายไปอย่างถาวรความรักเป็นความงาม แต่ความรักที่ไม่แสดงออกก็เหมือนดอกไม้ที่ไร้ความหอมความห่วงใยเป็นเรื่องดี แต่หากไม่บอก มันก็เป็นเพียงจดหมายรักไม่ติดสแตมป์ที่เก็บไว้ในลิ้นชัก ไม่เคยส่งออกไปถึงมือผู้รับกตัญญูคือดอกไม้งาม กตเวทิตาคือหยดน้ำที่พร่างพรมให้สดใส หยดน้ำถึงจะเล็กและไม่อยู่นาน แต่ก็ทำให้ดอกไม้งามขึ้นคำของแม่เป็นจริง แม่ตายไม่กี่เดือนหลังจากนั้น ไม่มีเครื่องมือพยากรณ์อากาศแวบเดียวมันก็หายไปอย่างถาวร...สิ่งที่ผมทำได้ก็เพียงบอกต่อคนอื่นเรื่องที่พวกเขาอาจลืม เรื่องเล็กๆ ประเภท "คงไม่เป็นไร"และเพราะโลกนี้ไม่มียานเวลา เราจึงควรกระทำ 'เรื่องเล็กๆ' ในชีวิตให้เป็นเรื่องที่งดงามแม้เป็นวันที่อากาศไม่ดี


วินทร์ เลียววาริณ วันแม่ 2552




คมคำคนคม There is only one pretty child in the world, and every mother has it. โลกนี้มีเด็กงดงามอยู่เพียงคนเดียว และแม่ทุกคนก็เป็นเจ้าของเด็กคนนั้น
สุภาษิตจีน
Don't say you don't have enough time. You have exactly the same number of hours per day that were given to Helen Keller, Pasteur, Michaelangelo, Mother Teresa, Leonardo da Vinci, Thomas Jefferson, and Albert Einstein. อย่าบอกว่าคุณไม่มีเวลาพอ คุณมีจำนวนชั่วโมงในหนึ่งวันเท่ากับเวลาของ เฮเลน เคลเลอร์, ปาสเตอร์, ไมเคิลแองเจโล, แม่ชีเทเรซา, เลนนาร์โด ดา วินชี, ธอมัส เจฟเฟอร์สัน และ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
H. Jackson Brown, Jr.นักเขียนชาวอเมริกัน

อยู่ห้องแบบนอนเสื่อ มีของกินเป็นธัญพืชเต็มห้องดีจริงเหรอ

เราเคยเขียนบ้านในเป้าหมายของเราไว้ว่ามีอะไรบ้าง เชนมีผักสวนครัว มีผักรางน้ำอยู่รอบบ้าน ในสวนยังมีการเพาะใส้เดือนขายอีก มีผลไม้แบบบ้านๆเช่น มะละกอ ทับทิม อะไรอีกหลายๆอย่าง นั่นคือสิ่งที่อยู่ในอนาคต ยังไม่เกิดขึ้นจริง มันจะสุขจริงได้ยังไงกันล่ะ เราทำไม่ไม่คิดเผื่อมันทุกข์ด้วยล่ะ

และแน่นอน ก็ที่จะเป็นแบบนั้นได้แสดงว่าปัจจุบันก็ต้องเป็นแบบนั้น ซึ่งจริงๆปัจจุบันไม่เป็นแบบนั้น เรายังไม่เคยปลูกผักเลยแล้วไฃจะไปปลูกผักรอบบ้านแบบนั้นได้ยังไง จะมีสวนดอกไม้ได้ยังไง

นอนเสื่อแทนนอนเตียง พื้นห้องมีเย็นยังไม่คิดจะนอน นอนแต่บนเตียงมันจะได้นอนไหมจริงๆแล้วเนี่ย

อยากจะบอกว่าความจริงเรายังไม่เข้าขั้นที่เราเขียนไว้เลย ฉะนั้นทำไงล่ะ อยากทำได้ก็ต้องเริ่มทำเดี๋ยวนี้เลยนะ จะได้รู้ว่ามันเป็นตัวเองจริงๆไหม

Thursday, August 6, 2009

พี่เนย จาก BECENSON FRANCHE COMTE

วันนี้เจ้แกมาเพื่อพูดคุย เพื่อจะได้ทดสอบกันวันพรุ่งนี้ เด็กมอนอเอกฝรั่งเศสปีสี่หกคน จะต้องเป็นหนูทดลองกันวันศุกร์ สิบโมงเช้า ตึกคิวเอส ห้องอะไรจำไม่ได้

แกมาเล่าประสบการร์เรียนของแก ก็จะบอกว่า พี่แกอึดจริงๆ ต้องเรียนแบบว่าฝรั่งจริงๆ
คือ อาจารย์เขาจะไม่บอกเลยว่าต้องอ่านอะไร ไม่ใช่แบบอาจารย์ไทย ต้องคอยป้อนงานให้ เอ้านิสิตมาทำไอ้นั้นไอ้นี้สิ ไม่มี แล้วนับว่ายากมากหากวันนี้ฉันคิดจะไปเรียนต่อ เพราะต้องบอกว่า พฤติกรรมอย่างฉันคงไม่จบชัวๆ เพราะ

ไม่เคยอ่านหนังสือเรียนแบบจริงๆ
ไม่เคยตามงาน ไม่เคยส่งงานตรงเวลา ไม่เคยถี่ถ้วนกับงาน
คอยครูป้อนความรู้
ไม่มีตรางชีวิตสำหรับเรียนโดยเฉพาะ คือ ไม่มีจัดระเบียบการเรียน จำห้องไม่ได้บ้าง จำวันส่งงานวันสุดท้ายไม่ได้บ้าง
ไม่มีระบบความคิดที่ดี คิดไปเป็น
ไม่ฮึดสู้
ภาษาอ่อน
บริหารเวลาไม่เป็น มาสายเข้าห้องเรียนสาย


อย่างนั้นก็อย่าเรียนมันเลยเนอะ อิอิ

ทำงานดีกว่า ไม่รุ้ว่าทำงานแล้วมันจะดีกว่าจริงรึเปล่าน้า

ทุกวันก็หาหาเวลาที่จะฝึกภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส ทุกทักษะอยู่ แล้วก็ฝึกคอมพิวเตอร์ ฝึกคิดสิบรูปแบบ ฝึกเขียนมายแมพ ฝึกนั่งสมาธิ ฝึกหัดอมาดิอุสอยู่ มีแค่นี้จริงๆ ถ้าทำทุกอย่างให้ดีก็มีโอกาสงาน เพื่อเอาเงินเดือนมาซื้อทองเก็งราคา มาเล่นหุ้นขายหุ้นอย่างที่ใจรักเสียที ไม่ลืมเอาไปทำบุญด้วย เลี้ยงพ่อแม่ พี้หลานด้วย

Monday, July 27, 2009

พิธีกรงานค่าย

กลับมาจากห้องเรียน รอแบกถังน้ำ รอเรียนชอง รออะไรนู่นนี่ รอบทพิธีกรน่ะ
พูดถึงเรื่องบทพิธีกรในปีนี้หินสุดๆไปเลย เพราะต้องพูดแต่ภาษาฝรั่งเศสอ่ะ ตอนนี้ควบคุมใจไม่ให้คิดลบเสมอๆ เพราะไมไหวแล้ว ความผิดพลาดในครั้งก่อนๆก็ให้ข้อคิดเราไปหมดแล้ว เราก็น่าจะจำได้

ปี ทำวีดิโอ กับอิก้อย อิเอ้ สอนให้รู้ว่าคนดูเราจะสังเกตุเราทุกท่วงท่า ทุกสีหน้าที่เราแสดงออกมา
ปี ที่ทำสารคดี สอนให้รู้ว่าให้เป็นตัวของตัวเอง และสร้างความรู้สึกกระฉับกระเฉง เพราะคนดูคาดหวังกับเราเสมอ สคริปดีก็ช่วยให้พูดคล่อง
ปี ที่เป็นพิธีกร งานภาษาศิลป์ ช่วยบอกให้รู้ว่า การอ่านชื่อคนอื่นให้ถูกต้องนั้นสำคัญขนาดไหน
เป็นพิธีกร งานค่ายปี51นั้น บอกให้รู้ว่า การทำความเข้าใจคริปและเรียบเรียงเข้าใจ้ในหัวเรานั้นสำคัญเช่นไร
พิธีกรหลัลงสัมนานิสิตฝึกงานนั้น บอกให้รุ้ว่า ต้องซ้อม ฝึกฝน เรียกได้ว่าตื่นขึ้นมาพูดได้เลย


และการที่ไปอบรมบุคคลิกภาพนั้นก็สำคัญ
แปลกใจมากที่เราพยายามไม่กระดิกขา หรือนั่งหลังค่อม มันก็ออกมาจนได้ เราควมคุมไม่ได้แต่เราฝึกฝนให้เป็นนิสัยได้

การเป็นพิธีกรสอนอะไรเราหลายๆอย่างเช่นกัน สอนให้รู้ว่า เราเองนั้นมีความสามารถจูงใจคนอื่นได้ดีที่เดียว
สอนให้รุ้ว่า คนอื่นจะมองความเป็นตัวของตัวเรา และจริตภาษากายของเรา มันก็คือการขายตัวเอง เป็นหน้าเป็นตาให้สาขาหรือองกรค์

ปีนี้ปีสุดท้าย ที่จะได้เป็นพิธีกรให้สาขา ในงานค่ายและจะต้องทำให้ดีที่สุด สัญญากับตัวเองว่าจะมองให้มันไม่เป็นปัญหาแต่มองให้เป็นแบบฝึกหัดที่ท้าทาย และเชื่อว่าครั้งนี้ทำดี คนจะนึกถึงเราได้ง่ายๆเลย

Tuesday, June 23, 2009

23/06/09

วันนี้ไปคืนหนังสือที่คณะตอนค่ำ มันปิดสามทุ่มทุกวันอังคารเราก็ไปยืมมาเรื่อยและ วันนี้มองดูอาการตัวเอง
จากการไปคืนหนังสือแล้วเราได้ฟังคำพูดของบรรณารักษ์ เป็นคีย์เวิรดที่ไห้ความรู้สึกขุ่นเคือง
เราเกือบจะมีน้ำตา แล้วเราก็เปล่งคำว่าครับออกมาแบบเสียงสั่น จากนั้นเราครุ่นคิดที่จะแสดงท่าทางที่ดีออกมาเพื่อชนะใจตนเองแล้วก็ทำได้ นี่คือสิ่งที่เราจะต้องเจอไปเรื่อย หากเรายึดติดกับคำพูดเราจะเสียใจและมีน้ำตา และหากเราส่งคำพูดที่เราเองก็ไม่อยากไห้ใครมาพูดกับเราแบบนี้ไห้กับคนอื่น เราก็จะบาปโดยไม่รู้ตัว เค้าคงจะเจ็บฝังใจกับคำพูดของเรา คำพูดฆ่าคนได้ คำพูดสร้างประโยชน์แก่เราได้
เหตุที่บรรณารักษ์พูดกับเราแบบนั้นแท้จริงเราพูดออกไปโดยไม่ไตร่ตรอง ดว้ยท่าทีและบุคลิกของผู้พูดดูจะจริงทำไห้ท่าทีของเราเสียไป เหตุการณ์นี้สอนไห้รู้ว่าจะพูดอะไรคิดไห้ดีเสียก่อน ศึกษาคนทีเราสนทนาไห้ดีด้วย เพราะพูดไปดีหลายแต้มหากเสียก็จะเสียหลายแต้มเช่นกัน เรื่องพูดนี่ต้องระวัง ขนาดกับว่ามีในหลักธรรมสอนเลยที่เดียว เรามีหน้าที่ระวังคำพูดของเรา และระวังคำพูดของคนอื่นอย่าถือมาไว้ เพราะเราจะหนัก ไม่พอนะเจ็บใจด้วย

Wednesday, June 10, 2009

10/06/09

เมื่อวานลืมไดอารี่เพราะเมื่อวานระบบของชีวิตมันเสีย
วันมีโกกาสก็รีบไดอารี่ทันที เพิ่งมาจากหอสมุดซึ่งก่อนหน้านี้เรียนอาจารย์แม่จนห้าโมงเย็น พบว่าขณะที่เรียน
เราเขียนคำว่าcuturelle nons S เพราะประธานเป็นพหูพจน์ เป็นสิ่งที่ผิด ที่จะพูดคือ ความผิดทางไวยากรณ์นี่ เราควรจะไม่ปล่อยให้พลาดไปได้แล้ว การผิดพลาดเรื่องง่ายและไม่น่าให้อภัยเป็นเรื่องที่สิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นอีกแล้ว เราจะต้องทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
ประเด็นถัดมาคือ การคิดทำกิจกรรมในห้อง เรามองประสิทธิภาพต้นเองว่าน่าเป็นห่วง สมองเราไม่คิดพัฒนา ทักษะความเชื่อว่าถ้าเราได้นำความรู้วิธีคิดทั้งสิบ บวกเอาตรรกะจากหนังสือเล่มเขียวและหนังสือตรรกะของอาจารย์ จำนงค์ ทองประเสริฐ มาอ่านและนำมาใช้เชื่อว่าเราคงไม่มี สถานะการณ์แบบนี้ และจะเกิดปัญญาที่แท้คิดงานออกมาง่ายเลย ถ้าเราฝึกนั่งสมาธิ

เมื่อวานขอให้เป็นวันสุดท้ายที่จะเปิดเว็บลามก เพราะทำไห้ชีวิตเราเสียระบบ ยังไงหรือเราจะเผลอไปดูมันอย่างไม่สนใจเวลาเลย เสียเวลาไปโดยใช่เหตุอย่างที่สุด ควรจะเอาเวลาดูโทรทัศน์มานั่งฝึกสมาธิ เพราะฝึกยากที่สุด จึงต้องทุ่มเททั้งกาย เวลา ความมุ่งมั่นให้มากที่สุด ระบบชีวิตของเราจะดีขึ้นได้จากเราที่จัดการมัน จัดการแย่ไม่ใช่ใครที่ได้รับผลแต่เป็นตัวเอง มันคอยแต่จ้องจะจูงเราไม่ตามระบบไป เราต้องระบบเองเราต้องดูแลตัวเอง มิใช้ให้ใครมาดูแลเรา เราจะต้องเป็นอิสระให้ได้มากๆในเรื่องต่างๆเช่น โทรทัศน์ไม่มีก็อ่านหนังสือพิมพ์เอา ละครดูแล้วไรสาระ อ่านก็อ่านสรุปข่าวรายสัปดาห์ก็ทันโลกได้ ตอมพิวเตอร์แทนที่จะนั่งเว็บซุบซิบเราก็มานั่งบันทึกความรู้ ว่างๆก็ทำพรีเทสออนไลน์
เราจะปล่อยตัวเองว่างไม่ได้ ว่างไม่ใช่ทำอะไรที่ไมเกิดประโยชน์ต่อตัวเองและคนอื่น ต้องมีประโยชน์ด้วย

Sunday, June 7, 2009

08/o6/09

วันนี้เริ่มต้นด้วยการค้นหนังสือออกมาวางไว้เต็มห้องจะทำอะไรไม่รู้ยังคิดไม่ชัดว่าจะทำอะไร
แต่ยังไงวันนี้จะต้องเตรียมบทเรียนเยอะหน่อยก็แค่หมดเวลาไปกับมันมากหน่อย ก็เลยไม่คิดจะปล่อยให้ตัวเองหลับเดี๋ยววันนี้เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติเสียที นี่ลืมสวดมนต์ไปตังหลายวันแล้ว ออกกำลังกายก็หายไปเป็นอาทิตย์และ ทุกอย่างที่ทำไปอาจไร้ผลหากไม่ทำเป็นประจำและเป็นแบบแผนที่กำหนดไว้ ขี้เกียจทวนเป้าหมาย แต่รู้จักเป้าหมายที่แท้จริงของการเรียนแล้ว ขอบคุณ
ป ปยุตโต ที่สอนให้รู้ว่าถ้าเรายึดหลักธรรมชาติแท้เราจะมีความสุข การเรียนเป้าหมายของมันคือรู้เข้าใจ เกิดปัญญา ทำทุกสิ่งทุกอย่างได้จากวิชาที่เรียนนั้น นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ ส่วนเป้าหมาซ้อนคือเกรดที่ดี ขณะที่เราเองก็ตั้งใจเรียนใส่ใจศึกษาอย่างมีความสุขสนุกกับมันเท่านี้เป้าหมายในการเรียนก็ดีกว่าไหนๆแล้ว แหมนี่ถ้ารู้เร็วกว่านี้คงจะดี แน่รู้ช้าก็ยังไม่สายใม่ใช่เหรอ

ขอบคุณตัวเองทุกวัน ชีวิตมันมีอะไรไห้ได้สังเกตุ เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา และเมื่อใดที่พบปัญหาก็ต้องเปลี่ยนให้มันเป็นปัญญา แล้วการเรียนของเราก็จะเกิดสุข

07/06/09

ตื่นขึ้นมาแปดโมง เล่นเน็ตมะทพอะไร ฟังเพลง ถ้าการที่เรามีความสุขที่ต้องขึ้นอย
กับวัตถุแล้วละก็วันนี้ก็คงขาดอิสระไปอย่างมาก และก็ไม่มีอะไรเป
นชิ้นเป็นอัน


วันนี้ลองไม่แตะอินเตอเน็ตในห้อง
ไม่นอนบนเตียง
สวดมนต์ก่อนทุกคน
จะเป็นยังไง
หาแบบฝึกหัดใยนชีวิตมาหัดทำ เราจะได้มีความสุขง่ายขึ้น บ่อยขึ้น

Thursday, June 4, 2009

วรภัทร ภู่เจริญ

"เพราะชีวิตคนเราจะรอให้อาจารย์ตั้งโจทย์อย่างเดียวไม่ได้ ต้องหาโจทย์มาเอง คิดแล้วทำ ถ้าผิดอาจารย์จะปรับให้"


พวกคุณติดสันดานเด็กกวดวิชา รอคนคาบของทุกอย่างมาป้อนให้ คุณเคยทำตัวเป็นครูกวดวิชามอบความรู้ให้คนอื่นไหม ถ้าคุณรอและตั้งรับ คุณก็เป็นพวกอีแร้ง แต่คุณแย่กว่า คุณเป็นแค่ลูกอีแร้ง คือ รออาหารที่ป้อนให้ แล้วคุณจะไปสู้มหาอำนาจได้ยังไง


ผมสนใจทุกอย่าง ทุกเรื่อง ไม่ได้มั่ว ผมคิดว่า ท่ามกลางพายุที่สับสน ผมจับลมปราณของมันได้ ผมจับได้ทุกวิชา อย่างประวัติศาสตร์สะท้อนอารมณ์และจิตใจคนยุคนั้นๆ ผมคิดต่อว่า ทำไมเขาตัดสินทำแบบนั้น พอมาถึงยุคปัจจุบัน เหตุการณ์ใกล้เคียงกัน ก็นำมาใช้กับการวางยุทธศาสตร์ ทุกเรื่องเกี่ยวข้องกันหมด หากขึ้นไปที่ต้นแม่น้ำจะเจอเรื่องเดียวกันคือ ตาน้ำ การศึกษาก็เหมือนกัน ถ้าเรารู้จักอ่านหนังสือ ก็จะเจอแก่นของมัน จะวิพากษ์อะไรก็ได้ เพราะเราเข้าใจ


โดยสันดานแล้ว ผมสนใจทุกอย่าง ทำกับข้าวก็สนใจ อยู่อเมริกาลองไปเป็นกุ๊กร้านอาหาร ตอนนั้นผมไม่ค่อยมีเงิน และคิดว่าถ้าเราต้องทำกับข้าวกินทุกวัน จะทำอย่างไรให้อร่อย ผมก็ไปเป็นลูกมือ พัฒนาตัวเองเรื่อยๆ ตอนนั้นผมเป็นนักเคมีเทคนิค พอมาจับศาสตร์เรื่องอาหาร ก็ใช้ศิลปะมาผสมผสาน ผมได้เป็นกุ๊กร้านอาหารไทยของเพื่อน ช่วยทำกับข้าวและบริหารร้านอาหาร โหราศาสตร์ผมก็สน แต่ไม่ได้เรียนรู้เพื่อการทำนาย ผมชอบสังเกตคน ทำให้ง่ายในการบริหาร อ่านเกมขาด อย่างเจอสาวราศีกันย์ เธอชอบความมีระเบียบ ความสะอาด ผมเอาหลายๆ ศาสตร์มารวมกันแล้วบูรณาการ

พวกอเมริกันเก่งเรื่องกระบวนการคิด ทำงานเป็นทีม ทำคนเดียวไม่ได้หรอก จึงยากในการขโมยความคิด


ผมได้เรียนรู้จากนาซามาก เวลาสอนอาจารย์จะโยนหนังสือมาให้เล่มหนึ่ง อ่านภายในหนึ่งสัปดาห์ แต่เราอ่านเร็วอยู่แล้ว ที่นั่นใช้วิธีสอนเหมือนไม่สอน ซักถามและวิเคราะห์กันหนักๆ อย่างเช่น คุณเห็นใบไม้ที่โคนกิ่งไม้ ลองคำนวณว่ามีแรงกี่ปอนด์

ผมค่อนข้างจับฉ่ายแมน ชอบขับรถ เดินป่า ธรรมชาติ และศิลปะ ตอนอยู่นาซาผมเรียนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ จนไม่มีวิชาอะไรให้เรียนแล้ว ผมก็เลยเกิดคำถามว่า วิทยาศาสตร์เองก็มั่วเยอะ ใช้วิธีการอนุมานและตั้งสมมติฐานเยอะ ก็เลยถามตัวเองว่า ฉันกำลังทำอะไรอยู่ พอได้อ่านบทความของไอสไตน์ เขียนไว้ก่อนตายว่า ศาสนาที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่สุดคือ พุทธะ ผมก็งง! ตอนนั้นผมยังเป็นคริสเตียน ผมต้องขอบคุณท่านอาจารย์พุทธทาส ท่านเขียนเชื่อมโยงพุทธกับคริสต์ได้ดีมาก สุดท้ายแล้วเป็นเรื่องเดียวกัน แต่วิธีการเข้าหามีหลายวิธี ไม่ต่างจากการขึ้นภูเขา พระพุทธเจ้าพูดอะไรที่เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่งมงาย คนมาปฏิบัติธรรมทางพุทธ ถ้าขี้เกียจจะไม่ค่อยเห็นผล



คุณสังเกตผมสิ ผมคุยกับคุณ ไม่ค่อยเปลี่ยนเรื่อง คิดเรื่องเดียว อารมณ์เดียว ผมคิดเป็นระบบ พอเรียนพุทธ ยิ่งคิดเป็นระบบมากขึ้น ผมเคยบวชเป็นพระธุดงค์อยู่ 13 วัน ผมขยันสุดๆ ผมคิดว่าถ้าคนคิดไม่เป็น จะคิดวนเวียน ย้ำคิด ย้ำทำ คิดไม่ตกเป็นเดือน แต่ผมตัดสินใจแล้ว ทำได้เลย ตัดอารมณ์ออกไป ไม่ต้องมานั่งทะเลาะกับใครว่า ทำไมเราเลือกแบบนี้ ไม่สับสน ผมปรึกษาหลายคนเหมือนทำวิจัยให้ตัวเอง ทำเป็นตารางการตัดสินใจ


ศาสนาพุทธเหมือนโลกกลม นักวิทยาศาสตร์เป็นพวกโลกแบน แล้วไม่ยอมเดินเรือออกไปที่ขอบจักรวาล เ มื่อผมอยากรู้จักพุทธ ก็ต้องศึกษาและปฏิบัติ แรกๆ ก็เชื่อเขาไปก่อน โยนความคิดทิ้งไปก่อน ถ้าพลาดก็ว่ากันใหม่ เวลาหลวงปู่หลวงพ่อสั่งให้ทำ ก็ทำเต็มที่ สุดท้ายพบว่า กายกับจิตคนละตัวกัน อย่าไปหลงกาย กายคือรถผจญภัย ผมก็ทำงานเต็มที่สร้างสมดุลทางโลกกับทางธรรม ถ้ารักษาจิตให้ว่าง ถ้าทำจิตให้เป็นศูนย์หรือว่างก็คือ นิพพาน




งาน หากเวลาทำงานเกิดเบื่อ ก็ให้รู้เท่าทัน แล้วทำงานต่อ ผมสอนเรื่องการเดินจิต ปฏิบัติธรรมด้วย พอสอนเสร็จก็พาไปเดินในป่าช้าที่ขอนแก่น เรื่องศาสนาผมให้เวลาเต็มที่ บางทีก็สอนปฏิบัติที่บ้าน ถ้ามีเวลาว่าง ก็จะพาไปวัด ก่อนอื่นต้องสอนตัวเองและคนรอบข้างให้ได้ก่อน ผมคิดว่า คนไทยฝึกเรื่องใจน้อยไป ตามใจลูกมากไป เด็กไม่เคยถูกสอนให้ควบคุมใจ กลายเป็นว่า ทุกคนอยู่อำเภอที่ไม่น่าอยู่คือ อำเภอใจ ไม่รู้จักควบคุมตัวเอง และแยกไม่ออกว่า ใจเป็นกุศลกับอกุศลต่างกันอย่างไร

Monday, April 27, 2009

วันนี้การสอนล้มเหลว

ไรวะ สอนแบบไหนเนี่ย เปลืองตังค์นะเนี่ย เค้ามาเรียนมาเสียตังค์
เป็นเพราะเราหลวมไปเลยทำไห้การสวมในวันนี้ล้มไม่เป็นท่าเลย
แค่เรื่องคำคุณศัพท์เราก็ยังสอนไม่ได้ และก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะไปต่อว่าตัวเอง เอาเวลาไปนั่งหาวิธีการถ่ายทอดให้เด็กเข้าใจก่อนกันเลยดีกว่า

Saturday, April 25, 2009

มีทีท่ากับMSNอย่างไร

การเล่นMSNแบบที่ผ่านมาคือการฆ่าเวลาไปอย่างน่าเสียดายเพราะ ขณะที่คุยเราต้องเสียเวลาที่จะคิดปรระโยคไปกี่นาที แถมพิมพ์สัมผัสไม่เป็นใช้เวลาจิ้มไปกี่นาที และจะให้การพิมพ์แบบคุยได้อรรถรสต้องสร้างประโยคยาว รวบรัดก็จะเสียความสนุก
การคุยเอ็มเหมือนมีข้อจำกัดอยู่ตลอดเวลา กระทั่งเวลาที่เรานั่งรอคำถามจากคู่สนทนาของเราก็คิดดูสิ ต้องรอเท่าไร กรณี่ที่คู่สนทนาไปไหนทำอะไรไม่บอกกล่าวกันก่อนแทบไม่ต้องพูดถึง ผมเองก็เจอกรณีอย่างนี้อยู่บ่อยๆ หลายครั้งๆเข้าก็ทำให้ผมเบื่อ เซ็ง
นี่ยังไม่นับเวลาเราคุยเพลินในกรณีคนที่คุมเวลาตัวเองไม่เป็นนะ

ปัจจุบันในหนังสือพิมหน้าหนึ่งก็มีข่าวเรื่องโดนหลอกลวงทางMSNอยู่ทุกวี่วัน ยากนักที่จะหางความจริงใจผ่านเครืองส่งข้อออนไลน์เช่นนี้ จิตใจคนมิได้พัฒนาไปตามวัตถุที่เจริญรุดหน้าสิ่งประดิษใหม่ๆเกิดขึ้นทุกวัน สังเกตได้ว่า90%ของการคุยเป็นไร้สาระ วัยรุ่นมองว่าMSNคือเครื่องคุยคลายเครียด หาเพื่อนใหม่
หรือมีจุดประสงคืเพื่อการพรีเซ็นตัวเอง แสดงให้เห็นว่าตนเองเป็นคนเก่ง

อย่างไรก็ต่างMSNยังคงประโยชน์สำหรับคนที่เรียนต่างประเทศที่ไม่ค่อยได้กลับบ้านแล้วคิดถึงครอบครัวที่บ้าน เพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน

สำหรับแล้วการสื่อสารออนไลน์จะสร้างประโยชน์อะไรให้กับเราบ้าง

ร้อนมากๆ เมืองไทย

เป็นไรกันไปใหญ่ สภาวะอากาศอันร้อนอบอ้าว ผมยังมานั่งเล่นเน็ตได้อย่างสบายใจเฉิบบนบ้านที่ร้อนยังกะเตาอบ ดีซินะไหนๆก็หนักตั้ง 80กิโลแล้วก็ถือว่าอบซาวน่ามันไปเลยเป็นไง

วันนี้อุตส่าห์ไปห้องสมุด ดันยืมได้แค่จันหน้านี้มันวันเสาร์นะเว้ย ไม่รีบงดยืมคืนนี้งี้อ่ะ สาดด ไม่เป็นไรเพราะพระพุทธธรรมก็ยังมะได้คืนอีกเล่มนึง

ร้อนมากๆสองวันมานี้ สงสารเด็กที่มานั่งเรียนกะเราจัง

Monday, April 20, 2009

เสียท่าไหเว็บเว้บลามก

วันนี้ท้าทายตัวเองโดยการดูเว็บเกย์แล้วก็ห้ามใจไม่อยู่ จริงๆแล้วถ้าเราดูแล้วอดทนรอในช่วยที่อารมณ์ค้างต่อไปมันจะหายไปเอง ไม่ควรคิดเอาเราไปพัวพันกับสิ่งที่เห็น มิฉะนั้นการปฏิบัติของเราจะล้มเหลวเช่นวันนี้ วันนี้ไดบทเรียนอันมีค่าแล้วว่า อย่าเล่นกับไฟกิเลส อย่าเล่นกับความรู้สึกของคนเด็ดขาด

Sunday, April 19, 2009

ไปดูดวงมา

วันนี้ไปดูหมอมาหมอบอกว่า
เจ้ากรรมนายเวรเริ่มตามมาแล้ว มาเอาชีวิต และจะติดลบศูนย์ในวัยเบญจเพศเมื่อตอนอายุยี่สิบห้า ต้องรีบทำบุญ ทำสมาธิ ให้ใด้มากที่สุดเท่าที่จะปฎิบัติได้ เหมือนการหยอดกระปุก ช่วงนี้วิญญานจะไม่รับแต่เมื่อใด้ที่รับ บุญที่เราสั่งสมให้ใว้จะทำให้เขาหลุดได้ในทันที
เป็นคนมีองค์สายฤษี108

เป็นคนมีเนื้อคู่ทั้งคู่ปกติและไม่ปกติ

หลีกเลี่ยงกาเมสุมิฉาให้ไกลที่สุด เพราะมันทำลายทุกอย่างจนพัง

เราจะทำอย่างไรต่อไปทำบุญตอนเช้าทุกวัน กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวรสวดมนต์ทุกวันทำสมาธิพบอาจารย์สอนทำสมาธิที่ ที่บ้านอาจารย์
มันจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทุกอย่างเขียนไว้แล้วก็จะเป็นไปตามนั้น

Tuesday, April 14, 2009

เบื่อญาติๆทางแม่

วันนี้ถ้าผมเขียนด้วยอารมณ์ขอให้ครั้งต่อไปที่อ่านได้พิจารณาเอง "แม่เข้าข้างคนอื่น ฟังคนคนนอกบ้าน ญาติทางแม่หากินกินกับแม่ แม่ไม่ฟังคนในบ้าน แม่คิดว่าพี่น้องของแม่ดีเสมอ ถูกต้องเสมอ แม่คิดว่าแม่เป็นขี้ข้าของคนในบ้าน คนที่บ้านใม่เคยมีใครดีในสายตาแม่แม่คิดลูกๆของแม่คอยแต่จะเอาเงินของแม่ และก็จะถีบหัวส่ง"
สิ่งที่ฉันมองเห็นคือพ่อเป็นทาสแม่คนอื่นมีอิทธพลต่อเราในครอบครัวเพราะแม่ฟังคนอื่นแม่เป็นที่พึ่งของพี่น้องแต่แม่กลับไม่มีที่พึ่งยามที่แม่ลำบากเวลาแม่ผิดหวังจากพี่น้อง ทุกคนในบ้านต้องมานั่งฟังความทุกข์ที่แม่ก่อไว้
สิ่งที่ทำไห้คิดได้คือญาติฉันไม่มีวันมีหน้ามีตาใจสังคมเพราะ ขาดการศึกษา อาชีพไม่อิงสังคมที่ต้องใช้หน้า ไม่เป็นผู้ใหญ่ ไม่รู้จักจัดการ ขาดจริยธรรมขันสูงไม่ซื่อสัตย์นำแต่ทุกข์มาให้เสมอๆขาดความเกรงใจ และความเห็นใจผู้อื่นอย่างแรง
สิ่งที่ฉันต้องทำกับญาติคือไม่คบไม่ค้าไม่ร่วมวงสนทนาอยู่ห่างๆญาติงดไห้ความช่วยเหลือ
สิ่งที่ฉันต้องทำกับแม่คือรีบหางานทำมีเงินส่งท่านตามหน้าที่บวชส่ง เพราะจะได้ครบธรรมเนียมไม่ร่วมอยู่ที่พักเดียวกัน เพราะความคิดลบจะครอบงำเราทันที อย่าลืม เรา
ฟุ้งซ่าน คิดมาก อารมณ์ร้อนทุกวันนี้เพราะเราอยู่กับแม่เรานานไปสวดมนต์ไห้ท่านทุกข์วัน

สิ่งที่ต้องทำกับตัวเองตั้งใจเรียนให้จบ เกรดต้องเอ ทุกตัว เพราะเป็นเทอมสุดท้ายที่จะแก้ตัว อย่าง
น้อยการขอทุนไม่ควรจะต่ำกว่า 2.25 หรือน้อยไปกว่าเกรดปัจจุบันของเราจากนั้นตั้งใจทำผลงานขอทุนเรียนปริญญาโทต่างประเทศ จะได้ไม่ต้องอยู่บ้าน
ฝึกต้นทุนตัวเองอย่างหนัก เอาหลายๆด้าน เพราะจะได้ทำงานพิเศษเสริมจะได้
หาเรื่องไม่ต้องมาบ้าน และจะได้ไม่เป็นภาระของคนที่บ้าน
อย่าลืมฝึกฝนสมาธิ ปฏิบัตรจิตทุกวัน สวดมนต์ทุกวัน เราจะได้มีสติปัญญาอยู่
ตลอดเวลา
ต้องดูแลสุขภาพให้ดี เพราะเมื่อเราป่วยก็ไม่ควรเดือดร้อนที่บ้าน
ไหเภัยตัวเองเสมอ

15/04/2009


สิ่งที่เราไม่สามารถรู้คิดคือมุมมอง
ของเราในความคิดของคนเอง ไดอารี่เล่มนี้เป็นเพียงสิ่งที่เขียนเพื่อ
คุยกับตนเองกรณีไม่รู้จะไปปรึกษา
ความสับสบแบบนี้กับใคร
บ้านเมืองเริ่มสงบลงบ้างแล้ว พวก
เสื้อแเดงกลับบ้าน ที่เหลือคือความ
เสียหายและความตายของชาวบ้าน
ที่ไม่ได้มาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ใครจะได้ประโยชน์กับเรื่องนี้บ้างนะ
การงานของฉันยังไม่เคลื่อนที่ไป
ไหน ยังไม่ได้เริ่มที่จะเขียนเป็นชิ้น
เป็นอันเลยสักที การจะไปขอทุนเขา
เรียนมันไม่ใช่แค่คิด มันต้องทำ
อย่าลืมเกรดเราไม่มีสิทธได้ มี่สิ่ง
หนึ่งที่จะสู้คนอื่นได้คือความ
พยายามของเรา และแล้วก็เริ่มซะ
วันนี้เลย อย่าได้กลัวอีกเลย วีรยุทธ
เป้าหมายของวันนี้ฝึกทำสมาธิทำแบบฝึกหัดสอนพิเศษเขียนjournal

Monday, April 13, 2009

my name is weerayut, hello! my friends
Posted by Picasa

ฉันอยากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

"ฉันอยากเป็นดาราแต่หน้าไม่ไห้ ฉันดำเกินไป ลงพุงเกินไป บุคคลิกภาพแย่เกินไป
ฉันเป็นเพศที่สาม ต่อให้ฉันไปศัลยกรรมไห้หล่อดูดียังไง สังคมก็ไม่ยอมรับฉันอยู่ดี
ฉันอยากเป็นนักเรียนดีกรีต่างประเทศ คนจะได้มองฉันว่าเป็นคนที่เจ๋ง
ฉันอยากมีบ้านให้พ่อแม่"

ฉันเชื่ออย่างแน่แท้ว่าไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์แบบทุกอย่าง
จากการที่ฉันอยากอะไรต่างๆนานา ก็พบว่าฉันอยากเป็นนักแสดง
อยากเป็นคนมีชื่อเสียง ฉันไม่สามารถโกหกว่าไม่ใช่ แต่ฉันรู้ว่าทำไมฉันถึงไม่ควร

ฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นนักแสดงตามโทรทัศน์ฉันเกิดมาเพื่อถ่ายทอดสิ่งล้ำลึกออกมาโดยผ่านการแสดง ฉันอยู่เหนือผู้กำกับซะอีก ฉันเป็นคนมีความสามารถ ฉันยังต้องการคนที่มีความสามารถมาช่วยฉัน





สงกราต์วันที่สอง

สงกรานต์วันที่สอง วี่แววความสงบของบ้านเมืองดูจะยังมองไม่เห็นอาคต เมื่อวานอ่านซีรี่เกาหลีจนจบ ชื่อ ฮง กิล ดอง จอมโจรโดนใจ จะบอกว่าเรื่องมันสนุกดี ชอบดาราเสียมากกว่า เกาหลีนี่ไก้ชัยชนะไปอย่างงดงามเรื่องหน้าตาเลย เพราะแรกๆที่เข้ามาตีตลาดในไทย คนไทยไม่ค่อยยอมรับหน้าที่ป้านๆ ร้ายของคนเกาหลีได้ พักหลังผลจากการทำงานหนักของหมอศัลยกรรมในเกาหลี เลยทำไห้คนเอเชียเคลิ้มฝันไปกับหน้าตาอันถูกปรุงแต่ง ประโคมขึ้นเขียงผ่าของเหล่านักแสดงเกาหลี
กลับมามองไทยดูตนทุนแล้นคนไทยหลายคนหน้าตาดีกว่าคนเกาหลีเยอะแยะ แต่รัฐบาลไม่สนับสนุนเรื่องพวกนี้ด้วยความคิดที่ว่าเป็นสิ่งที่ไร้สาระ สำหรับเกาหลีนับได้ว่าซีรี่ของเขาสร้างชาติเลย นำเงินเข้าประเทศไม่รู้เท่าไร สิ่งที่ผมประทับใจดาราเกาหลีอีกอย่างคือ หน่วยก้านดีมากๆ นับถือเลย ทุกวันนี้ผมมองดูว่าแวดวงบันเทิงในเกาหลีเองก็คงเอาตัวรอดโดยการออกมารับงานข้างนอก เพราะด้วยความที่ปริมาณดาราเยอะเกิน การแบ่งงานจึงค่อนข้างลำเอียง เรียกว่าหางานยากขึ้น
หลายคนเรียนภาษาต่างประเทศเพื่อไปรับงานต่างๆ หรือขยายกลุ่มแฟนคลับของตัวเอง ดาราไทยล่ะ ทำไงดี ประเทศก็ย่ำแย่ สังคมก็ล่อแล่....