Friday, August 28, 2009

28/08/09

ห้องสมุด

รู้สึกเยื่อบ้างมั้ยที่ทำอะไรซ้ำๆ ทุกๆวัน ชีวิตก็ยังไม่ดีขึ้น เราควรจะเปลี่ยนแปลงมันให้ดีขึ้นอีกไหม
เมื่อกีไปกินข้าว ร้านหนึ่งมา ร้านนี้เป็นร้านประจำเราเลย พอถึงหน้าร้านปุ๊ป เราก็นึกอยากเปลี่ยนร้านไปหาร้านใหม่กิน

Saturday, August 8, 2009

ยานเวลากับเครื่องมือพยากรณ์อากาศ


ครั้งสุดท้ายที่ผมพบแม่เมื่อยังมีลมหายใจนั้น แววตาแม่ผิดแผกจากทุกคราว ถึงเวลานั่งรถไฟกลับไปทำงานต่อที่กรุงเทพฯแล้วหลังจากการลาพักร้อนไปเยี่ยมบ้านเกิดไม่กี่วัน ก่อนไปสถานีรถไฟ แม่บอกผมว่า นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เราเจอกันผมไม่เชื่อในเรื่องลางสังหรณ์ แต่ผมก็รู้โดยสัญชาตญาณว่า เป็นไปได้อย่างสูงที่ผมจะไม่ได้พบแม่อีกแม่ป่วยด้วยโรคกระดูกมานานกว่ายี่สิบปี ในวัยหกสิบกว่า กระดูกในร่างบิดผิดธรรมชาติ นิ้วมือทั้งสิบหงิกเบี้ยวด้วยฤทธิ์โรคแห่งคำสาป ทุกครั้งที่อากาศเปลี่ยนแปลง ครึ้มฟ้าครึ้มฝน จะเจ็บทรมานทั้งร่างราวกับเข็มนับหมื่นเล่มทิ่มแทงกระดูกพร้อมกัน อาการเจ็บของแม่เป็นเครื่องมือพยากรณ์อากาศได้ดีกว่ากรมอุตุนิยมวิทยา เพียงเห็นแม่เจ็บ ก็รู้ทันทีว่าอากาศเปลี่ยนแปลง ฝนจะตกในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าผมไม่ได้กลับไปเยี่ยมแม่บ่อยนัก ด้วยข้ออ้างสารพัด งานที่รัดตัว เวลาที่น้อยแสนน้อย ฯลฯ แต่บางทีเหตุผลที่สำคัญที่สุดคือการทึกทักไปเองว่าแม่คงไม่เป็นไรประโยค "คงไม่เป็นไร" เป็นข้อแก้ตัวที่แย่ที่สุดสำหรับคนที่เรารักและรักเราบางทีเมื่อสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวเจ็บป่วยนาน 10-20 ปี มันก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาไป และบ่อยครั้งเราก็ลืมถามไถ่ทุกข์สุขของคนที่เราบอกว่าเรารักนี่เป็นเรื่องหนึ่งในชีวิตที่ผมอยากให้การเดินทางย้อนเวลามีจริง และเรามีบริการการเดินทางย้อนเวลากลับไปในช่วงยามแห่งความสุขในอดีต เยี่ยมญาติมิตรผู้จากไป แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดแต่โลกนี้ไม่มียานเวลา ทุกวินาทีเป็นเรื่องปัจจุบัน เกิดขึ้นครั้งเดียว แวบเดียวมันก็หายไปอย่างถาวรความรักเป็นความงาม แต่ความรักที่ไม่แสดงออกก็เหมือนดอกไม้ที่ไร้ความหอมความห่วงใยเป็นเรื่องดี แต่หากไม่บอก มันก็เป็นเพียงจดหมายรักไม่ติดสแตมป์ที่เก็บไว้ในลิ้นชัก ไม่เคยส่งออกไปถึงมือผู้รับกตัญญูคือดอกไม้งาม กตเวทิตาคือหยดน้ำที่พร่างพรมให้สดใส หยดน้ำถึงจะเล็กและไม่อยู่นาน แต่ก็ทำให้ดอกไม้งามขึ้นคำของแม่เป็นจริง แม่ตายไม่กี่เดือนหลังจากนั้น ไม่มีเครื่องมือพยากรณ์อากาศแวบเดียวมันก็หายไปอย่างถาวร...สิ่งที่ผมทำได้ก็เพียงบอกต่อคนอื่นเรื่องที่พวกเขาอาจลืม เรื่องเล็กๆ ประเภท "คงไม่เป็นไร"และเพราะโลกนี้ไม่มียานเวลา เราจึงควรกระทำ 'เรื่องเล็กๆ' ในชีวิตให้เป็นเรื่องที่งดงามแม้เป็นวันที่อากาศไม่ดี


วินทร์ เลียววาริณ วันแม่ 2552




คมคำคนคม There is only one pretty child in the world, and every mother has it. โลกนี้มีเด็กงดงามอยู่เพียงคนเดียว และแม่ทุกคนก็เป็นเจ้าของเด็กคนนั้น
สุภาษิตจีน
Don't say you don't have enough time. You have exactly the same number of hours per day that were given to Helen Keller, Pasteur, Michaelangelo, Mother Teresa, Leonardo da Vinci, Thomas Jefferson, and Albert Einstein. อย่าบอกว่าคุณไม่มีเวลาพอ คุณมีจำนวนชั่วโมงในหนึ่งวันเท่ากับเวลาของ เฮเลน เคลเลอร์, ปาสเตอร์, ไมเคิลแองเจโล, แม่ชีเทเรซา, เลนนาร์โด ดา วินชี, ธอมัส เจฟเฟอร์สัน และ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
H. Jackson Brown, Jr.นักเขียนชาวอเมริกัน

อยู่ห้องแบบนอนเสื่อ มีของกินเป็นธัญพืชเต็มห้องดีจริงเหรอ

เราเคยเขียนบ้านในเป้าหมายของเราไว้ว่ามีอะไรบ้าง เชนมีผักสวนครัว มีผักรางน้ำอยู่รอบบ้าน ในสวนยังมีการเพาะใส้เดือนขายอีก มีผลไม้แบบบ้านๆเช่น มะละกอ ทับทิม อะไรอีกหลายๆอย่าง นั่นคือสิ่งที่อยู่ในอนาคต ยังไม่เกิดขึ้นจริง มันจะสุขจริงได้ยังไงกันล่ะ เราทำไม่ไม่คิดเผื่อมันทุกข์ด้วยล่ะ

และแน่นอน ก็ที่จะเป็นแบบนั้นได้แสดงว่าปัจจุบันก็ต้องเป็นแบบนั้น ซึ่งจริงๆปัจจุบันไม่เป็นแบบนั้น เรายังไม่เคยปลูกผักเลยแล้วไฃจะไปปลูกผักรอบบ้านแบบนั้นได้ยังไง จะมีสวนดอกไม้ได้ยังไง

นอนเสื่อแทนนอนเตียง พื้นห้องมีเย็นยังไม่คิดจะนอน นอนแต่บนเตียงมันจะได้นอนไหมจริงๆแล้วเนี่ย

อยากจะบอกว่าความจริงเรายังไม่เข้าขั้นที่เราเขียนไว้เลย ฉะนั้นทำไงล่ะ อยากทำได้ก็ต้องเริ่มทำเดี๋ยวนี้เลยนะ จะได้รู้ว่ามันเป็นตัวเองจริงๆไหม

Thursday, August 6, 2009

พี่เนย จาก BECENSON FRANCHE COMTE

วันนี้เจ้แกมาเพื่อพูดคุย เพื่อจะได้ทดสอบกันวันพรุ่งนี้ เด็กมอนอเอกฝรั่งเศสปีสี่หกคน จะต้องเป็นหนูทดลองกันวันศุกร์ สิบโมงเช้า ตึกคิวเอส ห้องอะไรจำไม่ได้

แกมาเล่าประสบการร์เรียนของแก ก็จะบอกว่า พี่แกอึดจริงๆ ต้องเรียนแบบว่าฝรั่งจริงๆ
คือ อาจารย์เขาจะไม่บอกเลยว่าต้องอ่านอะไร ไม่ใช่แบบอาจารย์ไทย ต้องคอยป้อนงานให้ เอ้านิสิตมาทำไอ้นั้นไอ้นี้สิ ไม่มี แล้วนับว่ายากมากหากวันนี้ฉันคิดจะไปเรียนต่อ เพราะต้องบอกว่า พฤติกรรมอย่างฉันคงไม่จบชัวๆ เพราะ

ไม่เคยอ่านหนังสือเรียนแบบจริงๆ
ไม่เคยตามงาน ไม่เคยส่งงานตรงเวลา ไม่เคยถี่ถ้วนกับงาน
คอยครูป้อนความรู้
ไม่มีตรางชีวิตสำหรับเรียนโดยเฉพาะ คือ ไม่มีจัดระเบียบการเรียน จำห้องไม่ได้บ้าง จำวันส่งงานวันสุดท้ายไม่ได้บ้าง
ไม่มีระบบความคิดที่ดี คิดไปเป็น
ไม่ฮึดสู้
ภาษาอ่อน
บริหารเวลาไม่เป็น มาสายเข้าห้องเรียนสาย


อย่างนั้นก็อย่าเรียนมันเลยเนอะ อิอิ

ทำงานดีกว่า ไม่รุ้ว่าทำงานแล้วมันจะดีกว่าจริงรึเปล่าน้า

ทุกวันก็หาหาเวลาที่จะฝึกภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส ทุกทักษะอยู่ แล้วก็ฝึกคอมพิวเตอร์ ฝึกคิดสิบรูปแบบ ฝึกเขียนมายแมพ ฝึกนั่งสมาธิ ฝึกหัดอมาดิอุสอยู่ มีแค่นี้จริงๆ ถ้าทำทุกอย่างให้ดีก็มีโอกาสงาน เพื่อเอาเงินเดือนมาซื้อทองเก็งราคา มาเล่นหุ้นขายหุ้นอย่างที่ใจรักเสียที ไม่ลืมเอาไปทำบุญด้วย เลี้ยงพ่อแม่ พี้หลานด้วย