Thursday, November 17, 2011

Diary mak mak

I love Blogger cuz Blogger could save me from myself ;)

10/11/2011

นี่มันคืนแห่งความปวดตา ขับรถมอเตอร์ซัยไปดูแลเด็กนักเรียนที่เมืองเก่า เป็นเหตุให้มานั่งจับเจ่าแบบนี้ ตีหนึ่งกว่าๆตื่นขึ้นมาพบว่าไม่ได้อาบน้ำ จึงรีบกระทำแล้วมาอัพบล็อกอย่างเร็วรี่

ว่าเมื่อค่ำวานนี้ทั้งเหนื่อยทั้งคัน คันอะไร คันหูอ่ะดิ คันจริงๆนะ เพราะความว่าตุ๊ดมันแสลงใจโครตๆ โดยเฉพาะจากปากของเด็ก ทำไมเราจึงต้องมาทำงานก็เด็กปากไม่ดีอย่างนี้ด้วยนา

มันคงเป็นเวรเป็นกรรม แต่จะอะไรก็แล้ว ต้องพยายามอยู่ที่นี่จนกว่าจะได้วุฒิครูก่อน

เพราะมันไม่มีเปิดอีกแล้วครับท่าน วกกลับมาเรื่อง ตุ๊ดๆ คำที่แสลงใจ ชีวิตจริงมันเป็นสิ่งที่ทุกข์เหลือเกิน กับคำครหาเหล่านี้ มันเจ็บเข้าไปถึงในใจ ถามว่าทุกข์วันนี้แอ๊บไปเพื่อใคร เพื่อพี่สาวนะ เพราะอยู่ในวงการครูจังหวัดสุโขทัย

กลัวแกเสียภาพพจน์ เพราะมีน้อง ตุ๊ดๆ อย่างเราเนี่ย

เคยบอกกับพี่ไว้ว่า ได้วุฒิครูแล้วจะไม่เป็นครู และจะไม่หวนกลับมาอีก เพราะมันเจ็บกระดองใจอ่ะ ที่ให้เด็กเล็กๆมานั่งล้อเลียนทั้งวี่วัน สู้ไปสอนเด็กโต มหาลัย ยังจะดีกว่าอีก โอย คิดแล้วเศร้า

เดี๋ยวนะ ตั้งใจว่าจะทำการบ้านอ่ะก่อนนอน คงไม่แล้วมั้งอิอิ

แต่เอาเหอะ วันนี้ขอให้ได้พูด

..ต่อๆนะ มันเป็นเรื่องที่อัดอั้นตัดใจมานานตั้งแต่อยู่มาแรกๆ

แม่ง มันเจ็บใจมากๆ ตุ๊ดเนี่ย

เราไม่ได้อยากเป็นนะ และก็ไม่ได้ภูมิใจอะไร แต่ทำไงได้มันเป็นกรรมอ่ะ ชาติแล้วคงจะทำผิดศีลข้อสาม จะยังไงก็แล้วแต่ เราอุดปากให้คนไม่พูดไม่คิดได้งั้นเหรอ ไม่เลยถามว่าตายมั้ยกับเรื่องแบบนี้ ส่วนตัวตอบว่าจิ๊บๆ แสบๆคันๆ แต่ไม่มีอ่ะไร เชื่อว่าความสามารถต้องมาก่อนอยู้แล้ว แต่ที่นี้ทำงานกับเด็กไง มันมองอะไรไม่เป็น กาลเทศะก็ไม่ค่อยมี มันถึงได้ไม่กลัวที่จะถาม ไม่เกรงใจที่จะพูดไง

เพราะมันไม่รู้จักมารยาทด้วย พูดง่ายๆคือ ร้ายเดียงสาน่ะ

พอมาอยู่กับพวกมันแล้วรำคาญนะ เพราะร้ายแบบไม่รู้เรื่อง อะไรควรไม่ควรไม่สน แบบนี้ถึงอยากย้ายไปสอนเด็กโต และต้องไปอยู่ในที่ไกลจากความดูแลของพี่สาวด้วยนะ ไม่เอาแล้วเรื่องเส้นสายอะไร

มีความสามารถและปัญญาเสียอย่างยังก็เชื่อว่าเติบโตได้ จริงๆเรื่องนี้ควรหยิบยกมาเล่าในวันที่ได้วุฒิครูแล้ว แต่นี่กำลีงอยู่กับที่ที่ไม่ต้องการอยู่อีกแล้วถึงปีเกือบสองปีนี่ ทำไงดี

ก็ต้องอยู่แบบ ท่านมหาตมะคานที คืออยู่ด้วยกันอย่างเมตตามากกกกก ที่มากเพราะวันนี้เราดุนักเรียนมากกก

ทีนี้ต้องใจดีกับเด็ก ด้วยการเตรียมตัวให้ดีทุกวัน เพราะการพูดการจา การแสดงออก ส่อให้เห็นว่าควรถูกล้อ ตุ๊ด

อันนี้จริง เพราะหลายครั้งเราหลุดออกมาบ่อย คนอื่นสังเกตได้ เราเองก็ไม่รู้ตัวหรอกจริงมั้ย อยู่อย่างเมตตา และ เป็นกัลยาณมิตรต่อผู้อื่น เวลาในชีวิตนั้นแสนสั้น แต่เราจะอยู่ด้วยกันอย่างเป็นมิตรที่ดี เราจะอยู่ที่นี่อีกไม่กี่ปี เรายังไม่โอกาสแก้ตัวหลังจากพรุ่งนี้เช้าเป็นต้นไป

รักเด็กเหมือนลูกๆ ทำให้เด็กๆรักเรา รักวิชา รวมไปถึงเพื่อนร่วมงานด้วย

เราคิดบวกกับเด็กจากใจจริง

ไม่พูดคำหยาบกับเด็ก ไม่พูดอะไรเพ้อเจ้อ พูดพล่ามกับเด็ก

อดทนและตั้งสติกับอารมณ์โกรธที่จะพลั้งเผลอทำร้าย หรือด่าว่าเด็ก มีแผนจัดการอยู่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เราและเด็ก

ขอให้หลังจากตื่นนี้เป็นต้นไป เราคงจะไม่เป็นครูที่ตอแหลต่อปณิธานตัวเอง มิตรภาพที่ดีทำให้เราเป็นที่จดจำที่ดีต่อทุกคน

คืนนี้สมควรแก่เวลา

สวัสดี

Bishojoo

10/11/11 (2)

ตื่นหกโมงเช้า แต่ไม่ออกกำลังกาย ตื่นมาทำไมล่ะ นั่งคุยเรื่องคนที่ทำงาน มันไม่ได้ประโยชน์นะ เสียเวลาดีๆที่จะไปออกกำลังกายเลย เห็นไหม

วันนี้แล้วเราก็ลืมว่า เสื้อพละเราหาย ยังหาไม่เจอ เจ็บใจที่ผ่านมาห้าวันและ ก็ยังไม่พบเสื้อตัวนั้น และน่าโมโหคือเราเองทำไมไม่ยอมหาด้วย

เพราะอะไร ลืมไม่ไง ไม่ได้จดไว้ จดไว้ก็ไม่ค่อยจะอ่าน การจดของเรามันเหมือนเป็นหน้าที่นะ สักๆจดยังไงก็ไม่รู้ ต้องทำใหม่ เดี๋ยววันนี้ไปซื้อใหม่ จดใหม่

นั่งเขียนบล็อกอยู่ๆ ผู้เขียนก็อยากลาออกจากโรงเรียน ซะอย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะภาพในใจโผล่ขึ้นมาเห็นเด็กกำลังถามว่า ครูบิวเป็นตุ๊ดหรือเปล่า จึงทำให้เบื่อโลก

แล้วไงอ่ะ ที่นี้เราจะเลือกเครียดหรือรู้สึกเฉยๆดี คำตอบก็คือ เราก็รู้สึกเฉยๆทุกครั้งนะ ก็บอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ได้ มันคือความจริงนี่ ความลับไม่มีในโลก เพื่อนที่คิดว่าไม่มีพิษภัยกลับมีพิษภัย

เราไม่ได้รู้สึกโกรธคนนี้เท่าไร แต่เราเกลียดเลย เพราะเราเคยบอกเขาหลายครั้งแล้วมันไม่เหมาะ ใครๆหลายคนเขาเห็นมันก็ทำให้เราอายนะ มันไม่ไช่จะปกปิดอะไร แต่รูปมันก็คือความคึกคะนองที่กลับไปแก้ไขใหม่ไม่ได้ เราเลิกคบเพื่อนคนนี้เหมือนเพื่อนก่อนหน้าที่ยืมตังค์เราพันกว่าแล้วไม่คืน เพราะทั้งคู่คบแล้วไม่เคยมีความดีในชีวิตเลย มีแต่ชื่อเสียงเสื่อมเสีย คบแล้วเสียหายสู้อยุ่คนเดียวไม่มีเพื่อนสนิทเลยดีกว่า ซึ่งทุกวันนี้บอกได้เลยว่าไม่เคยมีอยู่แล้ว อยู่ตัวคนเดียว อยู่กับครอบครัวเสมอ แฮปปี้มาก มีหนังสือเป็นเพื่อน ฉลาดขึ้นเยอะเลย ดีมากมากๆด้วย

ต่อไปนี้จะหาเพื่อนสังคมใหม่ให้มากขึ้น ทั้งที่เรียน ที่ทำงาน ที่รู้จักต่อๆกัน เครือข่ายสังคมเยอะขึ้น คนแปลกหน้าก็ดีนะ ดีมากเลย คนต่างชาตินี่ก็ยิ่งดีใหญ่เลย ชีวิตเราขาดเพื่อนไม่ได้ แค่ได้รู้จักกันก็โอเคแล้ว แค่นั้นจริงๆ ชีวิตเช้านี้เริ่มต้นด้วยการสวดมนต์ดีกว่า จะได้เจริญๆ เกิดปัญญาดีๆ เดี๋ยวไปอัพบล็อกต่อที่โรงเรียน

11/11/11

กลับมาจากลอยกระทงก็ทานก๋วยเตี๋ยวเกี๊ยวปู แล้วก็นอนเลยแบบว่าเปิดคอมทิ้งไว้ ไฟในห้องก็สว่างทั้งห้องจนเช้า หลับแบบไม่รู้เรื่องน่ะ การบ้านก็ยังไม่ได้ทำ นี่คิดว่าจะทำตั้งแต่วันอาทิตย์นะ นี่วันศุกร์ยังล่องลอยอยู่นะ ใครๆมักจะรักวันศุกร์แต่ตลอดปีนี้จนต้นปีหน้า เราไม่คิดจะรักมันนะ เพราะต้องเรียนตลอดปีเลย เช้านี้เอารถไปทิ้งไว้ที่ศูนย์คารบูร์ก่อนที่จะเข้าไปโรงเรียน

เพราะมันแย่แล้ว ขับขี่ไม่ค่อยสะดวก งี้แหละขนาดของยังเสียได้จะอะไรกับคนนะ คนก็มีเจ็บป่วยได้ มีวันรุ่งเรื่องก็มีวันร่วงโรยได้เช่นกัน เมื่อคนเห็นวัยรุ่นเต็มไปหมด วัยรุ่นนี้เป็นวัยที่รุ่งเรื่องทางชีวิต เป็นช่วงแห่งการใช้ชีวิตแบบสนุกสนานจริงๆนะ เราเองก็มีช่วงนั้นอยุ่ แต่ไม่มาก วัยรุ่นของเราผ่านวันคืนของความ

เพลิดเพลินทางจิตใจ แบบเงียบ ชอบอยุ่คนเดียว มีมุมลึกลับที่ไม่ค่อยจะบอกใคร ความอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง อยู่เป็นอันมาก ไม่เคยมีแฟนเลย เพราะอาจจะขาดเสน่ห์ไปน่ะ เราขาดความสม่ำเสมอในทุกๆด้าน ทำอะไรแบบจับจด ประมาณว่าขี้เกียจไปเสียทุกเรื่อง ว่าแล้วก็น่าตีตัวเองจัง ผลที่เห็นทุกวันนี้คือ รูปร่างที่เปลี่ยนไป สภาพร่างกายที่เปลี่ยนไป ลองนั่งคิดดีจะพบว่าเปลี่ยนไปแม้กระทั่งใจ คือความคิด เป็นคนไม่รอบคอบอะไรซักอย่าง ถ้าจะเริ่มปรับเปลี่ยน

ควรจะเริ่มต้นที่จิตใจ ความคิด ให้ส่งถึงการกระทำ การบ่มนิสัยใหม่

นิสัยที่เราจะบ่มคือ

เป็นคนปฏิบัติธรรม ถือศีล ทำอะไรอยู่ในกรอบศีลธรรม และพระพุทธธรรมมีการทำกรรมฐาน

เป็นคนคิด มีกระบวนการคิดแบบรอบด้าน ทั้งวิเคราะห์ สังเคราะห์ คิดแบบเชื่อมโยงและอีกมากมายเป็นต้น คิดถึงผลที่จะตามา คิดเผื่อเลือก โดยเฉพาะคิดสร้างสรรค์

เป็นคนลงมือทำด้วยตนเอง สิ่งนี้ทำคัญที่สุด

บทสรุปเมื่อเช้ากล่าวไว้ค่อนข้างดีมากๆ เพราะมันเป็นเรื่องที่หลังจากได้กลับมาอ่านอีกรอบแล้ว ความรู้สึกมันบอกใช่เลย

บ่ายนี้คงจะทำงานไปพร้อมๆกันคือ

การบ้าน

ซ้อมเด็กไปแข่ง

สอนเด็กในห้อง

บ่ายสองก็จะต้องเอารถออกไปซ่อม เพราะมัดจำเขาไว้นานแล้วเดี๋ยวเขาส่งชิ้นส่วนรถกลับแล้ว ไม่ได้ซ่อมกันละทีนี้ก็แย่เลย เอาล่ะ

บ่ายนี้ออกไปแล้วก็อย่าลืมแวะซื้อสมุดรายงานและที่เย็บกระดาษที่จะใช้เรียนวุฒิครูในวันเสาร์ อาทิตย์นี้ด้วย และก็อย่าลืมแวะร้านแชมป์ เพื่อดูว่าเสื้อพละเขามีขายไหม เพราะตัวเก่าของเรามันหายสาปไปไหนก็ไม่ทราบ

กลับมาก็มาทำเรื่องลาวันจันทร์เพื่อไปงานแต่งนายเสาร์เพื่อนเก่าแถวบ้าน สอนเสร็จก็สอนพิเศษที่โรงเรียน และก็เตรียมกลับบ้าน และก็มาที่โรงแรมอมรในงานสังสรรค์ให้คุณย่าเปาคำของโรงเรียนสายธรรมอีก

16/11/11

กลับมาแล้วตามคำร่ำร้องใจตัวเอง ห่างหายไปหลายวันด้วยเรื่องมากมาย ประเด็นคือลืมโน๊ตบุ๊คไว้ที่บ้านเลยไม่ได้บ่นอะไรเลย ตอนนี้นั่งเล่นอยู่ข้างล่างคนเดียว เปลี่ยวๆ แต่มีเพลงเพื่อชีวิตคลอๆ มาจากร้าน ฒ ผู้เฒ่า

อีกฝั่งฟากของถนน รู้สึกชิวมากที่ได้ไปฟิตเนส แต่ก็เกรงว่าพรุ่งนี้จะไปทำงานไม่ได้เพราะว่า เราจัดหนักกับครั้งแรกเกินไป วันนี้ไม่ได้ทำอะไรมากนัก หลักก็สอนเด็ก ทำบัญชีการเงิน เย้!!! ได้ทำซะที นานๆทำครั้งก็เลยลืมบางส่วนว่าซื้ออะไรไปบ้าง นี่คือข้อเสียของการไม่จดรายวันจะทำให้เราได้บัญชีรายจ่ายที่ไม่เป็นความจริง ไม่มีความภูมิใจทำ รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองจะเมค ยกเมฆขึ้นมา แต่ใจเรามันย่อมรู้และบอกได้นี่นาว่าแผนอันนี้มันมีค่าแค่ไหน เรารู้เบื้องหลังที่ไม่รอบคอบ เราก็ต้องมาจัดการกันใหม่

No comments:

Post a Comment